ในวันนี้ผมเองก็จะหยิบเอาเจ้า Rainbow Six Siege มาบอกเล่าอีกครั้งล่ะครับ เนื่องจากว่าส่วนตัวผมเริ่มคิดว่าวงการเกม FPS บ้านเรา น่าจะเบื่อหรือเอียนกับเกมแนว Battle Royale กันบ้างแล้ว (อย่างน้อยผมล่ะคนนึง) ผมคิดว่านี่จะเป็นช่วงเวลาของเกมแนว Tactical Shooter กันบ้างล่ะ
Tom Clancy’s Rainbow Six เป็นเกม First Person Shooting ที่อยู่ในชุดแฟรนไชส์ของ Tom Clancy โดยผู้สร้างที่มีชื่อเดียวกันได้สร้างจักรวาล Tom Clancy ออกมาเยอะมากมายไม่ว่าจะเป็นเกมอย่าง Ghost Recon, Splinter Cell โดยทั้งหมดนี้อยู่ในจักรวาลเดียวกัน ซึ่ง Rainbow Six เองก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วย (นึกถึง The Avenger)
โดยตัวเกมจะให้เรารับบทเป็น Team Leader ในการหยุดยั้งการก่อการร้ายพวกนี้ ตั้งแต่การเลือกอาวุธ จัดการเลือกสมาชิกเข้าทีม ออกแบบและวางแผนปฏิบัติการทุกอย่าง ตัวเกมวางขายครั้งแรกในปี 1998 จนตอนนี้ก็ปาเข้าไป 14 ภาคแล้ว แน่นอนครับว่าตัวเกมประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ได้รับคำชมจากสำนักวิจารณ์เกมต่างๆมากมาย สิ่งนึงที่ทำให้เกมนี้แตกต่างจากเกมอื่นๆ ก็น่าจะเป็นรูปแบบการเล่น ที่บังคับให้ผู้เล่นต้องใช้การวางแผนเป็นอย่างดี มีการใช้แทคติคทีมเวิร์คเป็นอย่างสูง แตกต่างจากในยุคที่เต็มไปด้วยเกมอย่าง Doom, Wolfenstein, Soldier of Fortune
แต่วันนี้ผมจะหยิบเอาภาคล่าสุดที่วางขายไปในปี 2015 มาพูดถึงครับ เนื่องจากว่าเป็นครั้งแรกของซีรี่ส์ที่ได้หันมาจริงจังกับโหมด Multiplayer ที่ถึงขั้นตัดโหมด Single Player ที่เป็นโหมดชูโรงของเกมออกไปเลยทีเดียว ตั้งแต่ช่วงประกาศเกมแรกๆ และช่วงวางจำหน่ายแรกๆ ก็ต่างมีกระแสไม่พอใจเป็นจำนวนมาก บางคนถึงขั้นสาปส่ง และได้พูดเลยว่า Rainbow Six มันตายไปแล้ว
จากตอนนั้น นี่ก็ผ่านมาแล้ว 3 ปี และต้องบอกเลยว่า Ubisoft ทำหน้าที่ได้ยอดเยี่ยม Rainbow Six Siege เป็นเกมที่ถูกออกแบบมาสำหรับการเล่น และการแข่งขันแบบ Tactical Shooter ที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา หากเราจะพูดถึงเกมแนวๆ เดียวกัน ที่ประสบความสำเร็จในการแข่งขัน เราคงจะนึกถึงเกมอย่าง Counter Strike แต่จริงๆแล้ว 2 เกมนี้มีความแตกต่างกันมากครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น